วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Dangerous Fashion

แฟชั่น...อันตราย!


         ถ้าพูดถึงอันตรายจากแฟชั่น เรามักจะนึกถึงการตกส้นสูงหรือส้นตึก แต่ความจริงแล้วแฟชั่นอาจทำร้ายสุขภาพเราได้ในระยะยาวมากกว่า ที่คิด ดร.ชาเซีย คาห์น จาก Loyola Primary Care Center เปิดเผยว่า เราจ่ายให้แฟชั่นมากกว่าแค่เงิน และยังรวมถึงร่างกายที่เสื่อมลงไปทีละน้อย และแฟชั่นบางอย่างก็อาจอันตรายมากถ้าเราไม่ป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ ได้แก่

กระเป๋า

กระเป๋าถือโอเวอร์ไซส์

        
ตัวการสำคัญที่ทำให้คุณบ่นเรื่องปวดหลังและปวดคอ เพราะมันสร้างแรงกดให้หัวไหล่และคอ และกฎข้อแรกก็มีอยู่ว่า อย่าถือกระเป๋าที่หนักเกิน 5 กก. เด็ดขาด!

         ว่าแล้วก็จงเอากระเป๋าของคุณไปชั่งน้ำหนักเสีย เพราะ 5 กก. อาจจะน้อยเกินไปด้วยซ้ำสำหรับสาวทำงานที่เป็นคุณแม่และต้องแบกทุกอย่างตั้ง แต่เน็ตบุ๊กไปจนถึงขวดนม

         ดร.คาห์นแนะนำให้สาวๆ ใช้กระเป๋าหนีบใบเล็กๆ ที่ทำจากวัสดุเบา หรือไม่ก็ใช้เป้สะพายหลังซึ่งมีการกระจายน้ำหนักเท่ากันทั่วหลังและไหล่หาก คุณไม่สามารถพรากจากกระเป๋าโอเวอร์ไซส์ได้ คุณก็ควรจะออกกำลังตรงช่วงหลัง คอ และไหล่ นอกจากนี้ยังควรจะเปลี่ยนข้างสะพายกระเป๋าบ่อย ๆ ด้วย

         นอกจากการบาดเจ็บกล้ามเนื้อแล้ว กระเป๋าใบใหญ่ยังมักจะเต็มไปด้วยแบคทีเรียอันตราย เช่น อี. โคไล และStaphylococcus Aureus (เชื้อที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษหรืออุจจาระร่วง) เพราะผู้หญิงมักจะถือกระเป๋าแล้วเอาไปวางไว้ทุกที่ ซึ่งบางทีก็มีแบคทีเรียอันตรายด้วยซ้ำ ดังนั้น เราจึงควรเช็ดหรือซักกระเป๋าบ่อย ๆ

Expert’s  Corner

 ระวัง "หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท"

         ถ้ายังไม่เชื่อสนิทใจว่าแฟชั่นอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้จริงๆ เราไปคุยกับ นพ.วีรยุทธ ชยาภินันท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท

 แฟชั่นของสาว ๆ สมัยนี้ทำอะไรกับเราได้บ้าง?

         ถ้าเราสะพายกระเป๋าใบใหญ่หรือใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ สิ่งที่ตามมาคือ ประเด็นแรกจะมีอาการปวดไหล่ ปวดสะบักเรื้อรัง และอาจมีปัญหาที่เนื้อเยื่อพังผืดของกล้ามเนื้อหัวไหล่และกล้ามเนื้อสะบัก ซึ่งจะทำให้เกิดความเจ็บปวดเรื้อรังต่อไปเรื่อย ๆ ประเด็นที่สองคือ มันจะโหลดมาที่หลัง และทำให้กล้ามเนื้อหลังรับน้ำหนักมากขึ้น จุดศูนย์ถ่วงของหลังแอ่นมาข้างหน้าจนทำให้หลังทำงานหนักมากขึ้น ก็จะทำให้มีการปวดหลังเรื้อรังควบคู่กับปวดเอวเรื้อรัง แล้วถ้ายังใส่รองเท้าส้นสูงหรือแบกของหนักอยู่เรื่อย ๆ ก็อาจจะมีโอกาสทำให้หมอนรองกระดูกส้นหลังปลิ้นไปกดเส้นประสาทหลัง กลายเป็นโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท

         ซึ่งถ้าเกิดปัญหานี้ขึ้นมาจะมีอาการปวดหลังและปวดร้าวไปตามเส้นประสาท จนลามไปที่ชาและน่องหรือการทำงานของกล้ามเนื้อขา ข้อเท้า นิ้วหัวแม่เท้า เปลี่ยนไปเป็นอัมพาต ทำให้ท่าเดินผิดปกติ ถ้ารักษาไม่ทันก็อาจทุพลภาพถาวร ประเด็นที่สามคือโหลดต่อกล้ามเนื้อน่อง เพราะเหมือนกับเราเขย่งเท้าเดินตลอดเวลา ทำให้น้ำหนักตัวที่กดทับลงมาเบี่ยงเบนไป คือแอ่นไปข้างหน้า คุณก็จะมีอาการปวดเท้าเรื้อรัง ปวดกล้ามเนื้อน่องเรื้อรัง ปวดเข่าเรื้อรัง แต่ในกรณีที่ใส่ส้นสูงแล้วมีแรงกระแทกกับข้อเข่า ก็อาจทำให้เข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติ

  เมื่อไหร่ที่ควรจะพบแพทย์?

         อาการบาดเจ็บที่ควรจะสังเกตว่าเป็นโรคพวกนี้ก็คือ อาการบาดเจ็บทางกาย คือปวดในอวัยวะที่รับน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นบ่า คอ ไหล่ กล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อสะโพก ข้อเข่า ข้อเท้า น่อง และเท้า ส่วนอาการทางจิต ถ้ามันมีอาการเรื้อรังมากขึ้น เราจะหงุดหงิดง่าย โกรธง่าย สมาธิสั้น และมีผลสืบเนื่องถึงการหลับหรือนอนปกติ ทำให้นอนหลับไม่ลึกพอ ร่างกายจึงไม่ได้พักผ่อนพอตื่นก็รู้สึกง่วงตลอด คิดอะไรช้า สมาธิเสีย การทำงานผิดพลาด เจ้านายว่าความเครียดก็สะสม นอนไม่หลับพักผ่อนน้อยจนเป็นวงจรอุบาทว์อีก ส่วนใหญ่เขาจะมาหาหมอกันด้วยสาเหตุสองอย่างนี้ล่ะครับ

 การดูแลรักษาทำอย่างไร?

         เราก็ต้องไปแก่ที่สาเหตุ ซึ่งเหตุที่ทำให้เราเป็นก็แค่กระเป๋าใบใหญ่และรองเท้าส้นสูง มันกลายเป็นเทรนด์ที่ผิดและทำให้เกิดปัญหาในอนาคต ซึ่งการรักษาก็แค่ปรับเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตใส่ส้นสูงเฉพาะในช่วงเวลาที่เหมาะ สมใส่ในระยะเวลาสั้นๆ และเวลาที่ไม่ใส่เราก็ต้องถนอมกล้ามเนื้อของเรา โดยการออกกำลังกายด้วย


                                     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น